73390785_2226164497681774_5530328477355474944_o

ตามรอยอาหาร ต้นกำเนิดส่วนผสมลับ MARVIS

บินลัดฟ้าเยือน 3 ประเทศในทวีปยุโรป ตามรอยเบื้องหลังอาหารสุดคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็นของคาว ของหวาน และเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ ซึ่งแต่ละเมนูมีเรื่องราวจุดกำเนิดที่น่าสนใจ และแฝงไปด้วยวัตถุดิบที่รังสรรค์ออกมาเป็นจานเด็ด ส่งต่อความอร่อยมาถึงทุกวันนี้

แต่รู้หรือเปล่าว่า วัตถุดิบสุดพิเศษเหล่านี้ไม่ได้อยู่แค่ในเมนูอาหารเท่านั้นนะ แต่ยังถูกนำมารวมอยู่ในยาสีฟัน ‘Marvis’ ตัวช่วยสร้างความสดชื่นมายาวนานกว่า 60 ปี ด้วยวัตถุดิบหลักอย่างมินท์ที่ทำให้ช่องปากสุขภาพดี แถมยังสร้างความสนุกและแปลกใหม่ในการแปรงฟันในทุกๆ วัน พร้อมเสิร์ฟ 3 สูตรที่ได้แรงบันดาลใจ จากจานอาหารทั่วโลก

 

 

Black Forest Cake | สูตรเค้กโทนดาร์กที่ซ่อนความหวานน่าชิม

สายหวานตัวจริงต้องรู้จัก ‘Black Forest Cake’ มีต้นกำเนิดอยู่ในป่าแถบตอนใต้ ‘Schwarzwald’ ของประเทศเยอรมนี มีจุดเริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 16 แต่มาเป็นที่รู้จักแพร่หลายในช่วงปี 1915 เล่ากันว่าหน้าตาเค้ก ได้แรงบันดาลใจจากการแต่งกายของหญิงสาวในพื้นถิ่น ที่สวมเสื้อขาวเอี๊ยมดำและสวมหมวกกลมสีแดง รวมทั้งสูตรต้นตำหรับของแบล็คฟอเรสต์ต้องมีส่วนผสมของเหล้า ‘Kirschwasser’ สกัดจากเชอร์รีเท่านั้น

ด้วยเค้กเนื้อช็อกโกแลตสีน้ำตาลเข้ม คั่นด้วยครีมสีขาวและเชอร์รีระหว่างชั้น แล้วโปะหน้าเค้กด้วยลูกเชอร์รี่เป็นซิกเนเจอร์ ถึงแม้ภาพลักษณ์จะเป็นเค้กโทนดาร์ก แต่รสชาติที่หวานอมเปรี้ยวแสนอร่อย ทำให้คนยุโรปต่างติดใจถึงขั้นจัดให้มีวันเค้ก แบล็คฟอเรสต์สากลขึ้นมาทุกๆ ปี ในวันที่ 28 มีนาคม หรือที่เรียกว่า ‘National Black Forest Cake Day’

 

 

 

เติมความหอมหวานผ่านรอยยิ้ม ด้วยยาสีฟันมาร์วิสสูตร ‘Black Forest’

ท่องโลกความหวาน เติมกลิ่นหอมของเค้กช็อกโกแลตอย่าง ‘Black Forest’ ในทุกวันกับยาสีฟันมาร์วิส ‘Black Forest’ ด้วยส่วนผสมที่ขาดไม่ได้อย่าง ‘Dark Chocolate’ มอบรสชาติหวานละมุน พร้อมคู่หูผลไม้สีแดงขวัญใจสาวๆ ต้องเป็น ‘Cherry’ ที่นอกจากให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวแล้วยังส่งกลิ่นหอมทั่วปากในทุกวัน

รวมทั้งได้รสสัมผัสจากส่วนผสมพิเศษอย่าง ‘Amaretto’ เหล้าอัลมอนด์จากประเทศอิตาลี สกัดจากสมุนไพรและผลไม้ 17 ชนิด ส่วนมากใช้เป็นส่วนผสมของขนมหวานและค็อกเทล ตามด้วย ‘Marzipan’ ขนมหวานจากอัลมอนด์บด น้ำตาลและไข่ขาวที่ให้รสชาติหวานหอมอย่างลงตัว บวกความสดชื่นของ ‘Menthol’ และ ‘Spearmint’ ช่วยสร้างความรู้สึกหอมหวาน และสดชื่นในการแปรงฟันที่เข้ากันเป็นอย่างดี

 

 

Earl Grey Tea | ชาร้อนกับส่วนผสมสร้างความสดชื่น

เยือนถิ่นยุโรปทั้งทีต้องแวะจิบ ‘Earl Grey Tea’ เครื่องดื่มสุดคลาสสิกที่แทรกซึมอยู่ในชีวิตชาวตะวันตกมาเนิ่นนาน ที่มาของชานี้มาจากชื่อของ ‘Charles Grey’ เอิร์ลเกรย์ที่ 2 นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรในปี 1830 ที่ปรุงชาสูตรเฉพาะขึ้นมาเลียนแบบชาจีนที่มีราคาสูงในสมัยนั้น โดยการนำน้ำชามาผสมกับน้ำมะกรูด จนได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วประเทศ

ส่วนวัฒนธรรมจิบชายามบ่ายเริ่มขึ้นเมื่อปี 1840 โดย ‘Anna Russell’ ดัชเชสแห่ง Bedford ประเทศอังกฤษ รู้สึกอยากจิบชาตอนบ่ายเพื่อรองท้องก่อนอาหารมื้อเย็น หลังจากนั้นจึงกลายเป็นกิจกรรมของชนชั้นสูง แวะจิบน้ำชาในช่วงบ่ายเล็กๆ และนั่งคุยกัน นอกจากนี้เคล็ดไม่ลับของการดื่มชาเอิร์ลเกรย์ให้อร่อยต้องดื่มขณะน้ำยังร้อน แถมยังสามารถเติมน้ำตาล น้ำผึ้ง หรือฝานเลมอนหรือส้มกินคู่กัน เพื่อเพิ่มความหวานกลมกล่อม และสร้างรสชาติแปลกใหม่ในการละเมียดละไมชาแสนอร่อย

 

 

ปลุกความจี๊ดให้สดชื่น ด้วยยาสีฟันมาร์วิสสูตร ‘Orange Blossom Bloom’

เรียกความกระชุ่มกระชวยก่อนเริ่มบทสนทนา เหมือนจิบน้ำชาเอิร์ลเกรย์เพิ่มความสดชื่น ด้วยยาสีฟันมาร์วิส ‘Orange Blossom Bloom’ ที่อุดมไปด้วยส่วนผสมเอกอย่างส้ม ‘Orange’ และดอกส้ม ‘Orange Flower’ ที่ให้กลิ่นหอมรัญจวนใจช่วยสร้างความผ่อนคลาย รวมทั้ง ‘Petitgrain’ หรือกิ่งและใบของต้นส้ม มักนำมาทำเป็นน้ำมันหอมระเหย ช่วยอัพความรู้สึกสดชื่นหายจากความเหนื่อยล้า

เสริมทัพความสดชื่นไปอีกขั้นด้วย ‘Jasmin’ ที่ให้กลิ่นหอมของดอกมะลิยามเช้า และ ‘Bergamot’ ผลมะกรูดที่นิยมนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหย มักใช้เป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพร หรือนำไปเป็นเครื่องเทศปรุงอาหาร รวมถึง ‘Lemon’ ที่ช่วยมอบความจี๊ดปลุกความกระปรี้กระเปร่า นอกจากนี้ยังรวม ‘Peppermint’ และ ‘Spearmint’ มาเรียกความสดชื่นในทุกเช้า และช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่นยาวนาน

 

 

Rhubarb Pasta | วัตถุดิบพิเศษของพาสต้าใต้ซอสสีแดง

ข้ามฝั่งมาเยือนอิตาลี ใครๆ ก็ต้องรู้จักอาหารท้องถิ่นอายุกว่าร้อยปี นั่นคือ ‘พาสต้า’ ซึ่งเริ่มต้นในศตวรรษที่ 18 เกิดขึ้นครั้งแรกในเมืองซิซิลี แถบตอนใต้ของประเทศอิตาลี ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวอาหรับที่ย้ายถิ่นมา กระทั่งในยุคเรเนซองส์ ชาวฟลอเรนซ์ชนชั้นสูงนิยมกินพาสต้าปรุงด้วยเครื่องเทศและน้ำตาล จนถึงศตวรรษที่ 19 จึงเกิดเมนูพาสต้ากินกับซอสที่มีวัตถุดิบหลักเป็นมะเขือเทศ จนทุกวันนี้พาสต้าเกิดการต่อยอดกินคู่กับซอสที่หลากหลาย หนึ่งในเมนูน่าลิ้มลองคือ ‘Rhubarb Pasta’ ที่มีวัตถุดิบเป็นผักรูบาร์บนำมาทำซอสสีแดงหน้าตาน่ากิ

‘รูบาร์บ’ เป็นผักที่มีรสเปรี้ยว ถูกบันทึกเป็นเมนูอาหารของยุโรปในปี 1778 แต่รูบาร์บมีต้นกำเนิดที่แท้จริง มาจากประเทศจีน ตั้งแต่ 2,700 ปีก่อนคริสต์กาล รากของมันนำมาทำยา มีสรรพคุณเป็นยาระบาย บำรุงกระดูก และนิยมในหมู่จักรพรรดิ จนแพร่หลายไปทั่วยุโรป แต่ใบของมันมีพิษ ปัจจุบันคนนิยมนำก้านมาปรุงอาหาร มักใช้เป็นวัตถุดิบคู่กับมะเขือเทศ นำไปทำของคาว เช่น ซอสพาสต้า สลัด ซุป หรือจับคู่กับสตรอว์เบอร์รีในขนมหวาน เช่น พาย แยม หรือ ทาร์ต

 

 

เพิ่มความมีชีวิตชีวา ด้วยยาสีฟันมาร์วิสสูตร ‘Sweet and Sour Rhubarb’

ปลุกความกระฉับกระเฉงให้กับรอยยิ้ม ต้องเหมาะกับยาสีฟันมาร์วิสสูตร ‘Sweet and Sour Rhubarb’ ที่หยิบรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของ ‘Rhubarb’ ผักก้านแดงหวานเปรี้ยวติดปลายลิ้น สร้างสีสันในการแปรงฟัน ช่วยสร้างกลิ่นหอมไปทั่วปาก พร้อมบำรุงฟันให้แข็งแรงด้วย ‘Menthol’ และ ‘Spearmint’ ที่รวมอยู่ในยาสีฟันมาร์วิสสูตรนี้ ผนวกความสดชื่นแถมยังรักษาฟันให้สุขภาพดี

 

Content Writer : Jarujan L.
Graphic Designer : Sasicha H.

ที่มา:
https://bit.ly/2y7KSeY

SHARE

#MARVISMOMENT