ถ้าพูดถึงกลิ่นของยาสีฟัน หลายคนคงนึกถึงรสชาติเย็น ๆ บรรยากาศสดชื่นระหว่างทำกิจวัตรประจำวัน แปรงฟันหน้ากระจกในห้องน้ำ และจะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถเชื่อมโยงกลิ่นและรสชาติต่าง ๆ ของยาสีฟันเข้ากับอารมณ์และความรู้สึกของผู้ใช้ได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง Marvis แบรนด์ยาสีฟันพรีเมียมจากประเทศอิตาลี จึงเปิดมิติใหม่ของยาสีฟัน มอบรสสัมผัสสุดประทับใจที่นำพาผู้ใช้ไปได้ไกลกว่าแค่ ‘รสชาติ’ แต่คือ ‘อารมณ์ความรู้สึก’ ที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงแต่ละรสชาติของยาสีฟันได้มากกว่าที่เคยวันนี้ BKK ขอชวนคุณไปทำความรู้จักกับ 7 กลิ่นของยาสีฟัน Marvis ผ่านเมนูและบรรยากาศสุดเก๋ของ 7 คาเฟ่ ที่ดีต่อความรู้สึก พร้อมเติมเต็มประสบการณ์สุดประทับใจให้ทุกคนเข้าถึงกลิ่นและรสสัมผัสของยาสีฟันได้อย่างลึกซึ้ง ส่วนรสชาติจะเป็นแบบไหน นิยามแต่ละกลิ่นจะเป็นอย่างไร ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลย
1. Boyy & Son Café
Gaysorn Village
ประเดิมความสดชื่นผ่านไลฟ์สไตล์สุดคูลของคนที่ชื่นชอบงานแฟชั่นเป็นพิเศษกับร้าน Boyy & Son Café คาเฟ่สุดเก๋สไตล์ Minimal Luxury ที่เติบโตมาจากแบรนด์กระเป๋าสัญชาติไทยผสมแคนนาเดียน โดยเน้นเสิร์ฟเมนูกาแฟและโฮมเมดเบเกอรี่ภายใต้บรรยากาศเรียบหรู สบาย ๆ ในธีมสีเขียวพาสเทลหรือสีเขียวมินต์ที่ชวนให้นึกถึงความสดชื่นและรสสัมผัสที่หอมหวานในความทรงจำอยู่ไม่น้อย
ความโดดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้อยู่ที่การจัดองค์ประกอบ วางทิศทางแสงธรรมชาติได้อย่างลงตัว มีพื้นที่ติดริมหน้าต่างให้กับร้านคาเฟ่ให้แสงธรรมชาติสาดส่องพื้นที่ภายในคาเฟ่ เสริมสร้างบรรยากาศให้การจิบเครื่องดื่ม ทานขนมมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
บรรยากาศภายในร้านสร้างความสดใสเบาสบายตาด้วยโทนสีพาสเทล มีมุมไฮไลต์อย่างตู้ปลาฝังติดผนัง ให้ออกมาในรูปแบบของ Marine World โทนสีฟ้าเทอควอยซ์ ให้ความรู้สึกสดชื่น เย็นสบายเหมือนอยู่ในโลกใต้ทะเล รวมถึงการสร้างความแปลกใหม่ น่าสนใจผ่านงาน Interior เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งภายในร้านที่ดูร่วมสมัย เรียบหรูอย่างมีสไตล์
นอกจากมู้ดแอนด์โทนที่ดูสดชื่นสบายตาแล้ว เมนูที่ทางร้านเสิร์ฟก็ดูจะสอดรับกับรสชาติของยาสีฟัน Marvis อยู่ไม่น้อย ด้วยส่วนผสมที่สำคัญของมินต์ สื่อถึงรสสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ของกลิ่น Classic Strong Mint หรือมินต์ Piperita สูตรเข้มข้น ให้ความหอมสดชื่นยาวนาน บ้างก็มีส่วนผสมของมินต์ มีการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นให้กลิ่นและรสชาติที่ใกล้เคียงกับยาสีฟันเลยทีเดียว อาทิ Iced Dark Chocolate Mint (140 บาท) ช็อกโกแลตมินต์เย็น แบ่งเลเยอร์ชัดเจน ด้านล่างเป็นนมมินต์ ส่วนด้านบนเป็น Valrhona Chocolate ที่ทางร้านคัดสรรมาไว้ที่นี่โดยเฉพาะ ถูกใจคนรักมินต์และช็อกโกแลตแน่นอน
ตามมาด้วย Flat White (140 บาท) กาแฟนมที่มีฟองโฟมนุ่ม หวานน้อย รสละมุน ส่วนเบเกอรี่ที่น่าลอง คงหนีไม่พ้น Chocolate Almond Croissant (130 บาท) ครัวซองต์ที่เป็นซิกเนเจอร์เมนู อัดแน่นด้วยช็อกโกแลตครีมและอัลมอนด์ หรือจะเป็น Three tiny, crunchy sea salt dusted, dark chocolate chip cookies (60 บาท) เซ็ตคุกกี้เนื้อนิ่มอบสดใหม่ ให้รสสัมผัสของท้องทะเลหน่อย ๆ ด้วยการโรยเกลือด้านบนและช็อกโกแลตชิพเน้น ๆ เช่นเดิม
เห็นไหมว่า เพียงแค่พาตัวเองมาอยู่ในบรรยากาศที่สบายตา มีสีเขียวพาสเทลละมุน ๆ เป็นแบ็คกราวด์ให้ได้นึกจินตนาการไปราวกับว่าอยู่ท่ามกลางกลิ่นอายความสดชื่นของมินต์ เท่านี้ก็ทำให้วันทั้งวันพลอยสดชื่นกระปรี้กระเปร่าไปด้วย
2. 3nvy
ลุมพินี
เปลี่ยนบรรยากาศมาดื่มด่ำความหอมสดชื่นแนว Floral กันบ้างกับ 3nvy คาเฟ่ธีมสีม่วงสุดเก๋ที่เมื่อเข้าไปแล้วเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในอาณาจักรของ Alice in Wonderland เลยทีเดียว คาเฟ่สีม่วงลึกลับแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านลุมพินี มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นทั้งการตกแต่งร้านและอาหารที่เสิร์ฟ แฝงเสน่ห์ความเป็นผู้หญิง แต่ก็แอบซ่อนความร้ายและลึกลับให้ยิ่งดูน่าค้นหาเอาไว้ด้วย
ที่นี่รีโนเวทตึกแถวเก่าให้กลายมาเป็นร้านอาหาร เน้นการออกแบบร้านให้เป็นสัดส่วน ตั้งแต่เดินผ่านประตูเข้ามาในร้านก็จะเจอมุมเล็ก ๆ ที่กั้นด้วยผ้าม่าน ผนังร้านลายดอกไม้ที่ออกแบบและวาดโดย Teaspoon Studio ภายในร้านใช้เฟอร์นิเจอร์วินเทจจากหลายประเทศแล้วนำมาทำเบาะใหม่พร้อมเพ้นท์ลวดลายสวย ๆ ด้วยการวาดมือ
ในส่วนของอาหาร ทางคาเฟ่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยในสไตล์โฮมเมดอิตาเลียนที่ใส่ความเป็นไทยลงไปด้วย ผ่านหลากหลายเมนูที่มีตั้งแต่เครื่องดื่ม เบเกอรี่ เรื่อยไปจนถึงอาหารจานเดียว แต่หากแฟน ๆ Marvis ที่อยากสัมผัสความหอมสดชื่นในแนวละมุนละไมกรุ่นกลิ่นดอกไม้แล้วละก็ ขอแนะนำ Jasmine Tea Mojito (135 บาท) ชาโมฮิโต้ที่มีส่วนผสมของชามะลิและใบมินต์สับที่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับเครื่องดื่มแก้วนี้ ซึ่งสอดคล้องกับกลิ่น Jasmin Mint ความหอมอ่อน ๆ ของดอกมะลิที่ผสานเข้ากับความเย็นสดชื่นจากมินต์ กลายเป็นความแปลกใหม่ที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ
ระหว่างนี้อาจสั่งเมนูขนมอย่าง Day Dream (165 บาท) โฮมเมดชีสเค้กเนื้อเนียนรสหวานกำลังดี เสิร์ฟพร้อมซอสเสาวรสและมิกซ์เบอร์รี่ หรือเครื่องดื่มสไตล์ Refreshing Drinks ก็ช่วยเสริมความสดชื่นได้ไม่แพ้กัน
หากอยากเติมความหวานละมุนไปพร้อม ๆ กับเติมความสดชื่นในคราวเดียวอย่าลืมแวะมาที่คาเฟ่แห่งนี้กันนะ
3. Blue Whale
ท่าเตียน
รีเฟรชความสดชื่นแบบเต็มขั้นกับคาเฟ่สีครามที่ชื่อว่า Blue Whale พร้อมเสิร์ฟกาแฟอุ่น ๆ และอาหารทานง่าย ในบรรยากาศสบาย ๆ บนถนนมหาราช กับคอนเซ็ปต์ใต้ทะเลที่เน้นโทนสีฟ้าเป็นหลัก เมื่อเข้ามาจะเจอกับเคาน์เตอร์บาร์ที่สามารถนั่งชมวิธีการชงกาแฟของบาริสต้าไปด้วยได้ ผนังกระเบื้องสีฟ้าที่ไล่ระดับจากโทนเข้ม ขึ้นไปเป็นโทนอ่อน มีลายเส้นรูปปลาวาฬราวกับแหวกว่ายอยู่บนผนังให้บรรยากาศเย็นและสงบคล้ายกับอยู่ใต้ท้องทะเลจริง ๆ
หากเดินขึ้นบันไดสีฟ้ามาที่ชั้นสอง จะเจอกับโต๊ะและเก้าอี้ไม้นั่งสบาย ตอนเย็นสามารถเปิดประตูระเบียงออกไปนั่งด้านนอกรับลมธรรมชาติได้ จิบกาแฟเพลิน ๆ ใต้หลังคากระจกใสช่วยให้แสงธรรมชาติลอดเข้ามาเพิ่มความสว่างแทนแสงไฟนีออนได้เป็นอย่างดี
ความสดชื่นและสบายตาของสีฟ้าคราม ได้ถูกส่งต่อมายังเมนูเครื่องดื่มของทางร้านอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Cold Blue Coffee (150 บาท) กาแฟสกัดเย็นที่ใช้น้ำดอกอัญชันเป็นตัวสกัดแทนน้ำเปล่า เติมความหวานนิด ๆ ด้วยไซรัปกลิ่นวานิลลา แล้วท็อปบนด้วยโฟมนม ไอซิ่งผสมอัญชัน ชวนให้นึกถึงรสสัมผัส กลิ่นอายความสดชื่นของยาสีฟัน Marvis กลิ่น Aquatic Mint ที่ให้ความหอมเย็นสดชื่น รู้สึกเบาสบายเหมือนอยู่ท่ามกลางสายลม ฟองคลื่น และความสดชื่นของท้องทะเลอย่างไรอย่างนั้น
หรืออาจจะเป็น Blue Whale Affogato (180 บาท) ไอศกรีมกะทิผสมงาดำบดละเอียด ที่ราดด้วยช็อตกาแฟโคลด์บรูว์ แล้วโรยมะพร้าวกรอบบดเพื่อเพิ่มความกรุบกรอบ ก็เป็นอีกเมนูเรียกความเย็นสดชื่นระหว่างวันได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
เอาเป็นว่าใครที่หลงรักสีฟ้าครามแบบนี้ อยากสัมผัสความสดชื่นจากเมนูเครื่องดื่มเหล่านี้บ้างละก็ Blue Whale แห่งนี้ยินดีต้อนรับ
4, Cubana Cafe
ซอยอารีย์ 3
หากชื่นชอบความสดใสมีชีวิตชีวา Cubana Cafe เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่เก๋ไม่หยอกเลยทีเดียว ด้วยธีมสีส้มนีออนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากร้านบาร์ ร้านกาแฟที่ฮาวานา ประเทศคิวบา ด้วยมนต์เสน่ห์ในเรื่องของสีสัน แนวดนตรี กลิ่นอายของความสดใส สนุกสนานที่ยกมาเป็นคอนเซ็ปต์หลักของที่นี่โดยเฉพาะ
สร้างความโดดเด่นได้นับตั้งแต่โซนบาร์สุดชิลล์หน้าร้าน ไปจนถึงภายในร้านที่มีการนำเฟอร์นิเจอร์โทนสีสันสดใสมามิกซ์แอนด์แมทช์เข้าไว้ด้วยกัน
ด้านอาหารก็เน้นความเป็นคิวบาไม่แพ้กัน ด้วยเมนูเครื่องดื่มชา กาแฟ ค็อกเทล และอาหารสไตล์คิวบาเม็กซิกัน แต่เมื่อมาตามหากลิ่นอายความหอมสดชื่นของสมุนไพรในแบบ Marvis ทั้งที เมนูต่อไปนี้ก็นับว่าลงตัว ชวนให้นึกถึงรสสัมผัสของยาสีฟันกลิ่น Ginger Mint ที่รวม 2 ขั้วความต่างระหว่างรสเผ็ดร้อนของขิงและมินต์ที่เย็นจับใจ สู่ความแปลกใหม่ที่แฟน ๆ Marvis ต้องลอง เริ่มต้นที่ Cuba Libre (Cubata) (99 บาท) สูตรค็อกเทลจากประเทศคิวบา มีส่วนผสมของรัม มะนาว ขิง และโค้ก ให้รสเปรี้ยวซ่า ตัดด้วยรสขมและรสเผ็ดที่มีดึงความหอมหวานของน้ำขิงมาเป็นจุดเด่นของค็อกเทลแก้วนี้ด้วย
ทานคู่กับ Nachos Cheese + Salsa (80 บาท) นาโชว์อบชีสเสิร์ฟกับซอสซัลซ่าที่ทางร้านทำเอง ได้รสชาติสไตล์เม็กซิกัน หรือใครที่ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์อาจจะเลือกเป็นชาเย็นโบราณสูตรเข้มข้น หอมหวาน รสละมุน กับ Ginger Drink (50 บาท) น้ำขิงต้มสูตรเข้มข้น ผสมพริกไทยที่ให้ความเผ็ดร้อน กลิ่นหอมสดชื่น ที่เข้ากันดีกับ Chocolate Cookie (65 บาท) คุกกี้โฮมเมดเนื้อนิ่มสูตรเฉพาะที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตแบบเน้น ๆ
จะสายคาเฟ่หรือสายบาร์ก็ลองหาเวลาแวะมาให้สีส้มช่วยปลุกพลังความสดชื่น ความสดใสกันนะเออ
5. Mocking Tales
ทองหล่อ
คาเฟ่โทนสีดำกับธีมการตกแต่งที่เหมือนหลุดออกมาจากโลกเทพนิยาย
หากคุณเป็นคนที่ชอบความลึกลับ Mocking Tales ร้านขนมหวานและบาร์แห่งนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย ด้วยบรรยากาศของตัวร้านที่เนรมิตออกมาได้ราวกับอยู่ในโลกของเทพนิยาย ตัวร้านตั้งอยู่ในโครงการ The Maze Thonglor ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Story Teller เรื่องราวของเทพนิยายและภาพยนตร์แฟนตาซีชื่อดังเรื่องต่าง ๆ โดยในช่วงกลางวันจะเสิร์ฟของหวานและเครื่องดื่มเบา ๆ และตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไป จะเปลี่ยนเป็นบาร์ค็อกเทลให้นั่งดริงก์แบบชิลล์ ๆ
ด้านหน้าร้านถูกตกแต่งด้วยประตูเหล็กยืดแบบโบราณและหุ่นอัศวินเหล็กที่ยืนต้อนรับอยู่หน้าร้าน ส่วนภายในร้านถูกตกแต่งในธีมสีดำเข้มขรึมให้คล้ายวังเก่าที่มีกลิ่นอายโกธิค ตามมุมต่าง ๆ เลือกใช้ไฟสีส้มให้บรรยากาศสลัว ๆ เหมือนปราสาทโบราณ
โซนนั่งกับบาร์ที่ประดับด้วยโหลยาสมุนไพร ได้แรงบันดาลใจมาจากแฮรี่ พอตเตอร์
เลือกใช้ไฟสีส้มให้บรรยากาศสลัว ๆ เหมือนอยู่ในปราสาทโบราณ
บรรยากาศลึกลับ ๆ แบบนี้ เหมาะกับแฟน Marvis ที่ดูเนี้ยบ รักความสะอาด มีบุคลิกเท่ ๆ เคร่งขรึม เหมือนกับสูตรของ Amarelli Licorice รสหวานซ่อนขม คือความลงตัวที่ชวนค้นหา สร้างสรรค์ร่วมกับ Amarelli แบรนด์ลูกอม Licorice หรือมีกลิ่นหอมของชะเอมเทศที่ดีที่สุดในโลก ตรงกับเมนูแนะนำของทางร้านพอดิบพอดีกับ Witch Slayer เนื่องจากตัวยาสีฟันมีกลิ่นชะเอมเทศ ทางบาร์จึงครีเอทเมนูให้เป็นค็อกเทลที่มีส่วนผสมของรัม เหล้า Sumuca ที่ให้กลิ่นหอมของสมุนไพรนานาชนิด โดยเฉพาะกลิ่นของชะเอมเทศ ตามมาด้วยไซรัป และน้ำมะนาวสด ให้รสเปรี้ยวอมหวานดื่มแล้วรู้สึกเย็นสดชื่น
เมนูค็อกเทล Witch Slayer ที่นำมาจับคู่กันกับยาสีฟัน Marvis กลิ่น Amarelli Licorice
หรือจะเป็น Black Skull ค็อกเทลที่เบสรสชาติด้วย Gin หอมกลิ่นสมุนไพรเย็น ๆ มีส่วนผสมของ Black Sugar ที่ให้สีเครื่องดื่มมีสีดำ ลึกลับเข้ากับธีมร้านสุด ๆ
เมนูค็อกเทล Black Skull ที่นำมาจับคู่กันกับยาสีฟัน Marvis กลิ่น Amarelli Licorice
เข้ม ๆ แบบคูล ๆ แถมยังมีเมนูเครื่องดื่มสมุนไพรหอม ๆ ที่ดีต่อสุขภาพเหงือกและฟันขนาดนี้ เอาใจคนรัก Marvis ไปเลย
6. Wanderlust Coffee and Eatery
ภายในร้านเน้นการตกแต่งและเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีขาวเป็นหลัก
หลังจากสูดกลิ่นอายความหอมสดชื่นของชะเอมเทศ พร้อมกับสัมผัสความเท่ของคาเฟ่ธีมสีดำกันไปแล้ว ก็เปลี่ยนบรรยากาศมา Cafe Hopping แนวคลีน ๆ กันบ้างที่ร้าน Wanderlust Coffee and Eatery บรันช์คาเฟ่และโฮสเทลสีขาวที่แฝงตัวอยู่ในตึกแถวย่านเยาวราช
ชื่อร้าน Wanderlust หมายถึงคนที่มี Passion ในการเดินทาง ซึ่งสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ 2W Hostel ที่อยู่ด้านบนของตัวอาคาร สำหรับคาเฟ่มีความกลมกลืนไปกับตึกแถวเก่า โดยยังคงคาแร็กเตอร์และโครงสร้างตึกแบบเดิม
บรรยากาศของร้านมีความเป็นกันเอง ใช้โทนสีขาว เทา ผสมการตกแต่งสไตล์ Modern Industrial Loft มีหลากหลายมุมให้เลือกดื่มกาแฟและแฮงเอาท์กับกลุ่มเพื่อนแบบสบาย ๆ
ไม่เพียงแต่มู้ดแอนด์โทนขาวสะอาดตาของธีมการตกแต่งร้านเท่านั้น ด้านอาหารทางร้านก็เน้นเสิร์ฟความอร่อยแบบคลีน ๆ ในสไตล์เมลเบิร์นอีกด้วย ซึ่งเชฟของร้านได้สั่งสมประสบการณ์การทำอาหารจากประเทศออสเตรเลีย อาหารทุกจานผสมผสานหลากหลายเชื้อชาติ แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นออสซี่ได้อย่างมีมาตรฐานเช่นเดิม
มุมเคาน์เตอร์บาร์สุดเท่
โดยเฉพาะเมนูกาแฟที่มีให้เลือกดื่มทั้งแบบ Espresso-based หรือจะเป็น Cold brew ที่เสิร์ฟแบบ on the rock เมนูที่ห้ามพลาด ได้แก่ Ice Latte (107 บาท) กาแฟลาเต้รสนุ่มละมุน หวานกำลังดีที่จับคู่กับความอร่อยของเบเกอรี่อย่าง Cinnamon Roll (60 บาท) ขนมปังอบแป้งนุ่ม หอมกลิ่นซินนาม่อน ได้ดีทีเดียว
Ice Latte (107 บาท), Cinnamon Roll (60 บาท) และยาสีฟัน Marvis สูตร Whitening
หรือจะเป็น The Bitter Man (120 บาท) กาแฟเอสเพรสโซ่เข้มข้นซิกเนเจอร์ของทางร้าน พร้อมเพิ่มกลิ่นของเปลือกส้มลงไปให้ได้คาแร็คเตอร์ กลิ่นหอมสดชื่น มีน้ำตาลที่เคลือบอยู่บริเวณขอบแก้ว เป็นการเพิ่มรสชาติให้กับคนที่ไม่อยากดื่มกาแฟเพียว ๆ เพิ่มความหวานให้ดื่มง่ายขึ้น จับคู่กับ Skillet Dutch Pancake (220 บาท) แพนเค้กกระทะร้อนที่ทั้งนุ่มและหอมเนย เลือกใช้วัตถุดิบและความหวานแบบธรรมชาติ ในจานเสิร์ฟพร้อมกล้วยหอม โรยผลไม้แห้งให้รสหวานอมเปรี้ยว เติมความกระปรี้กระเปร่าด้วยไอศกรีมวานิลลาเย็น ๆ ที่มาดับอากาศร้อน ๆ ของเมืองไทยได้ดี
แต่สำหรับคอกาแฟแล้วก็ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องคราบพลัค คราบหินปูน หากแฟน ๆ Marvis ทั้งหลาย เติมความมั่นใจหลังทานด้วยยาสีฟันสูตร Whitening ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหอมสดชื่นของมินต์ Piperita พร้อมมอบความรู้สึกสะอาดสดชื่น ฟันขาวอย่างเป็นธรรมชาติ พกติดตัวไปร้านไหน ๆ ก็ขาวสะอาดมั่นใจแน่นอน
The Bitter Man (120 บาท) และยาสีฟัน Marvis สูตร Whitening
คลีนทั้งบรรยากาศ และรสสัมผัสที่สะอาดขนาดนี้ สาวก Whitening ห้ามพลาดมาเช็คอินที่คาเฟ่สีขาวสุดเท่แห่งนี้กันเชียวล่ะ
7. Dim Dim x A Stimulant by Sarnies
ซอยสุขุมวิท 33
ซิกเนเจอร์เมนูของร้าน A Stimulant by Sarnies เข้ากันดีกับบรรยากาศแสงไฟสีแดงสลัว ๆ ของบาร์ Dim Dim
ทิ้งท้ายความประทับใจคาเฟ่บรรยากาศดีแห่งสุดท้ายกันที่ Dim Dim ร้านค็อกเทลบาร์บรรยากาศจีน ๆ สไตล์เอเชีย ที่สัมผัสถึงความเป็นจีน ด้วยธีมการตกแต่งร้านสีแดงได้ตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงบรรยากาศด้านใน
สัมผัสความเป็นจีนได้ตั้งแต่บริเวณหน้าร้าน
ด้วยความที่หุ้นส่วนของร้านมีความหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีน จึงทำบาร์เล็ก ๆ ให้เป็นจุดนัดพบของผู้พักอาศัยในละแวกนี้ ใช้ธีมสีแดงและเขียวเป็นหลัก บริเวณหน้าร้านสีเขียวที่จะมีมู่ลี่ปิดบังบรรยากาศด้านในไว้ ด้านในบรรยากาศค่อนข้างมืดสลัว สอดคล้องกับชื่อร้าน Dim Dim ซึ่ง Dim แรกหมายถึงไฟสลัว ๆ ริบหรี่นั่นเอง ส่วน Dim ที่สองหมายถึง Dim Sum ที่ทางร้านมักเสิร์ฟคู่กับค็อกเทลในช่วงกลางคืน
ผนังสีเขียวตัดกับมู่ลี่สีแดงที่ปิดบังบรรยากาศด้านในไว้
ความน่าสนใจของทางร้านคือในช่วงเช้าถึงช่วงเย็นจะเปิดให้บริการในรูปของร้านกาแฟที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างร้าน Dim Dim และร้าน A Stimulant by Sarnies โรงคั่วและคาเฟ่ชื่อดังจากสิงคโปร์ที่มาเปิดสาขาในกรุงเทพฯ ซึ่งได้พัฒนากาแฟของตัวเองจนเป็นที่ยอมรับ ตามมาด้วยการทำโรงคั่วจนเป็นที่รู้จักและโด่งดังในสิงคโปร์เป็นอย่างมาก และขยายสาขาย่อยมาที่ประเทศไทย ความโดดเด่นของรสชาติกาแฟ ทางร้านจะทำไซรัปโดยใช้วัตถุดิบจริงมาเป็นส่วนผสม ไม่ว่าจะเป็นขิง อบเชย กานพลู กระวาน โป้ยกั๊ก พริก เป็นต้น เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นสมุนไพรที่หอมกว่า สำหรับความร่วมมือกันของทั้ง 2 ร้านนี้จะเปิดให้บริการถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้เท่านั้น
โซฟาสีแดงกับบรรยากาศจีน ๆ
สำหรับเมนูแนะนำของที่นี่ ต้องยกให้กับ Wolfberry & Cinnamon Cold Brew (100 บาท) กาแฟนมรสนุ่มที่โดดเด่นด้วยการผสมไช (Chai) ไซรัปกลิ่นเครื่องเทศที่ทางร้านทำเอง ซึ่งใช้เวลาเคี่ยวนานกว่า 3 ชั่วโมง เมื่อผสมกับกาแฟและนมจะช่วยเพิ่มความหอมและเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ชวนให้นึกไปถึงสีและกลิ่นหอม ๆ ของ Cinnamon Mint ยาสีฟัน Marvis กับรสสัมผัสที่ลงตัวของชินนามอนมินต์ ผสานกลิ่นความสดชื่นที่มีชีวิตชีวา ชวนให้นึกถึงแสงแดดและกลิ่นเปลือกไม้ในประเทศเขตร้อน
Wolfberry & Cinnamon Cold Brew (แบบร้อน 100 บาท) ชวนให้นึกถึงกลิ่นของยาสีฟัน Marvis สูตร Cinnamon Mint
แล้วอย่าลืมทานคู่กันกับเมนูขนมอย่าง A F*cking Good Brownie (140 บาท) ขนมบราวนี่ซิกเนเจอร์ของร้าน ได้รสเข้มข้นของช็อกโกแลตแบบเป็นชิ้น ๆ และสัมผัสของความเป็น Fudge ที่นุ่มหนุบหนับอร่อยเต็มคำ
A F*cking Good Brownie (140 บาท)
ใครที่หลงรักสีแดงแรงฤทธิ์และกลิ่นหอมของสมุนไพรอย่างอบเชย เห็นทีต้องตามไปเช็คอิน เติมความอิ่มอร่อยและความหอมสดชื่นกันที่คาเฟ่แห่งนี้กันเสียหน่อยแล้ว
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 7 คาเฟ่ 7 บรรยากาศที่ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นหอมและความสดชื่นของยาสีฟัน Marvis ที่ล้วนมีเสน่ห์และแตกต่าง เป็นความสุขเล็ก ๆ ซึ่งได้รับจากการสัมผัสรูป รส กลิ่นต่าง ๆ ที่มีคาแร็คเตอร์โดดเด่นสมกับเป็นแบรนด์ยาสีฟันระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง สามารถสัมผัสมิติใหม่ของยาสีฟันทั้ง 7 รสชาติ (85 ml. เริ่มต้นที่ 385 บาท) ได้ด้วยตัวเองแล้ววันนี้ที่ Marvis Outlet Store ทุกสาขาทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/Marvis.th
ที่มา:
https://www.facebook.com/pg/bkkmenu/posts/?ref=page_internal
https://www.bkkmenu.com/eat/stories/7classic-sensations-of-marvis-flavour.html